จัดฟันใส Invisalign คือ พร้อมข้อดี-ข้อเสียของการจัดฟันแบบนี้

จัดฟันใส Invisalign เป็นเทคโนโลยีการจัดฟันแบบใหม่ที่ใช้เครื่องมือแบบใสซึ่งออกแบบมาพิเศษตามรูปฟันของคนไข้ด้วยคอมพิวเตอร์แสกนระบบ 3 มิติ (3D) ในห้องแล็บที่อเมริกา มีจุดเด่นที่ตัววัสดุทำด้วยพลาสติกที่ปราศจากสาร BPA และมีความใส มองทะลุมองเห็นตัวฟันได้ ทำให้สวมใส่สบายและโดดเด่นด้วยภาพลักษณ์ที่สวยงาม ในส่วนของหลักการทำงาน การจัดฟันใสแบบนี้ แทนที่จะใช้แบร็กเก็ตและลวด จะใช้แรงกดของตัวเครื่องมือเป็นตัวช่วยคอยเคลื่อนฟันให้เข้าที่ตามแผนการรักษา

ในปัจุบัน การจัดฟัน Invisalign กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ดาราและวัยรุ่นที่ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์เวลาจัดฟัน

แบบการจัดฟัน

การจัดฟัน Invisalign นั้นสามารภแบ่งออกได้เป็น 5 ประเภท ตามความต้องการในการใช้งาน ดังนี้:

  1. Invisalign Full: เหมาะสำหรับเคสคนไข้ที่มีความผิดปกติและปัญหาทางทันตกรรมที่ค่อนข้างเยอะ จะใช้เครื่องมือจัดฟัน 15 คู่ ขึ้นไป และใช้เวลาในการจัดฟันประมาณ 1-2 ปี
  2. Invisalign Lite: เหมาะสำหรับเคสคนไข้ที่มีปัญหาทางทันกรรมไม่มาก เช่น ฟันซ้อนเล็กน้อย จะใช้เครื่องมือจัดฟัน 15 คู่ ขึ้นไป และใช้เวลาในการจัดฟันประมาณ 6-11 เดือน
  3. Invisalign Express:  เหมาะสำหรับเคสคนไข้ที่มีปัญหาทางทันกรรมเล็กน้อย ใช้เวลาไม่นานในการแก้ไข โดยจะใช้เครื่องมือจัดฟัน ประมาณ 5-7 คู่ ขึ้นไป และใช้เวลาในการจัดฟันประมาณ 6 เดือน
  4. Invisalign Go/First:  เหมาะสำหรับเคสคนไข้ที่มีปัญหาทางทันตกรรมน้อยมาก หรือเด็กที่ยังฟันแท้ขึ้นไม่ครบ
  5. Invisalign Teen:  ถูกออกแบบมาพิเศษสำหรับวัยรุ่นเพื่อรองรับการขึ้นมาของฟันแท้

ข้อดี

  • มีความสวยงาม เป็นธรรมชาติ: ข้อดีหลักของการจัดฟันใสคือ ความสวยงามและโดดเด่นของภาพลักษณ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
  • สามารถถอดออกได้: ตัวเครื่องมือสามารถถถอดออกได้ ทำให้สะดวกเวลารับประทานอาหาร หรือทำความสะดาดช่องปาก เมื่อเทียบกับการจัดฟันโลหะทั่วไป
  • สวมใส่สบาย: เนื่องจากตัวเครื่องมือจัดฟันทำจากพลาสติก ทำให้สวมใส่สบาย ไม่บาดเหงือกหรือรู้สึกไม่สบายช่องปาก
  • ไม่ต้องไปพบแพทย์บ่อย: เพราะไม่ได้มีความจำเป็นเพื่อปรับลวดหรือแบร็กเก็ตจัดฟัน
  • เห็นผลลัพธ์ก่อนการเริ่มรักษา: เนื่องจากการจัดฟันด้วย Invisalign ทุกเคส จะมีการวางแผนการรักษาด้วยระบบคอมพิวเตอร์ก่อนทุกครั้ง จึงทำให้คนไข้เห็นผลลัพธ์ก่อนที่จะเริ่มรักษาเสียอีก

ข้อเสีย

  • ไม่เหมาะกับเคสที่มีความซับซ้อน: การจัดฟันใสด้วย Invisalign ไม่สามรถใช้แก้ปัญหาทางทันตกรรมที่ซับซ้อนมากไปได้ เช่น ในกรณีที่ต้องมีการจัดฟันร่วมกับการผ่าตัดขากรรไกร
  • คนไข้ต้องมีวินยอย่างมาก: เพราะต้องใส่เครื่องมือจัดฟันอย่างน้อยวันละ 22 ชั่วโมง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามแผนการรักษา
  • ราคาค่อนข้างสูง: เมื่อเทียบกับการจัดฟันด้วยแบร็กเก็ตแบบเดิม

ขั้นตอนการจัดฟัน

  1. ปรึกษาทันตแพทย์เพื่อเช็คดูอาการ ตรวจวินิจฉัยโครงสร้างฟัน พร้อมทำประวัติก่อนการจัดฟัน เช่น การพิมพ์ฟัน การถ่ายภาพ การ x-ray รวมไปถึงวางแผนการรักษา
  2. ทำการเคลียร์ช่องปาก เช่น อุดฟัน ขูดหินปูน ผ่าฟันคุด เป็นต้น
  3. ทำการสแกนฟันด้วยเครื่องแสกน 3 มิติ พร้อมส่งข้อมูลดิจตอลไปที่ห้องแล็บของทาง Invisalign เพื่อทำการพิมพ์เครื่องมือจัดฟันใส โดยใช้เวลาประมาณ 1 เดือน
  4. นัดหมายรับเครื่อมือจัดฟัน ซึ่งทันตแพทย์จะแนะนำวิธีการใช้งานต่างๆ ให้คนไข้ เช่น ต้องสวมใส่อย่างน้อยวันละ 22 ชั่วโมง เป็นต้น
  5. เมื่อได้รับเครื่องมือจัดฟันแล้ว ทันตแพทย์จะทำการนัดทุก 6-8 อาทิตย์ เพื่อเข้ามาติดตามผลการรักษา
  6. หลังจากจัดฟันใสครบตามกำหนดแล้ว ทันตแพทย์จะพิมพ์ฟันทำรีเทนเนอร์ ซึ่งมีหลากหลายแบบ ได้แก่ รีเทนเนอร์แบบใส รีเทนเนอร์แบบลวด รีเทนเนอร์แบบติดแน่น และรีเทนเนอร์แบบโลหะ เพื่อใช้คงสภาพฟัน ซึ่งควรใส่ตามที่ทันตแพทย์แนะนำ เพื่อไม่ให้ฟันเคลื่อนกลับไปตำแหน่งเดิม 

ราคาและระยะเวลาการจัดฟัน

จัดฟันใส Invisalign จะมีราคาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 59,000-180,000 บาท และจะมีระยะเวลาในการรักษาประมาณ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับแต่ละเคส ซึ่งในปัจจุบัน คลินิกและโรงพยาบาลส่วนใหญ่มีแผนการผ่อนชำระรายเดือน ทำให้คนไข้ไม่จำเป็นต้องชำระเงินค่ารักษาเต็มจำนวน

ข้อควรปฏิบัติในช่วงจัดฟัน

ระหว่างการจัดฟัน ขั้นตอนการดูแลตัวเองคร่าวๆ มีดังนี้:

  • ดูแลความสะอาดช่องปากอย่างสม่ำเสมอ เช่น แปรงฟันหลังอาหารทุกมื้อ โดยใช้แรปงสีฟันขนอ่อน และ ใช้ใไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง 
  • เก็บแผ่นจัดฟันใสในกล่องที่จัดเตรียมไว้ทุกครั้งเวลาที่ไม่สวมใส่
  • ถอดแผ่นจัดฟันทุกครั้งก่อนรับประทานอาหารเพื่อป้องกันการเกิดคราบ
  • ไปพบทันตแพทย์ตามนัดทุกครั้ง

วิธีการดูและตัวเองหลังจัดฟันเสร็จ

หลังจัดฟันโลหะเสร็จ ขั้นตอนการดูแลตัวเองคร่าวๆ มีดังนี้:

  • ขยันใส่รีเทนเนอร์ตามที่ทันตแพทย์สั่งในช่วง 1-2 ปีแรกหลังจัดฟัน เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวกลับของฟันหรือที่เรียกว่าฟันล้ม
  • หมั่นดูแลรักษาความสะอาดของฟัน เช่น แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และ ใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
  • พยายามเลี่ยงการรับประทานอาหารเหนียวหรือแข็งในช่วงแรกๆ หลังจัดฟันเสร็จ เพื่อให้ฟันเข้าที่สมบูรณ์ก่อน
  • ไปพบทันตแพทย์ตามนัดเพื่อเช็คดูการเคลื่อนตัวของฟันและทำการแก้ไขแต่เนิ่นๆ หากไม่เป็นไปตามแผนการรักษา