จัดฟันด้านใน (Lingual) ข้อดี ข้อเสีย พร้อมข้อมูลการจัดฟัน

เขียนโดย นพ.ทพ.สุรัตน์ แสงจินดา
เขียนโดย นพ.ทพ.สุรัตน์ แสงจินดา
นพ.ทพ. สุรัตน์ แสงจินดา เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมช่องปากและแม็กซิลโลเฟเชียล จบการศึกษาทั้งจากคณะทันตแพทย์และคณะแพทย์

จัดฟันด้านใน (Lingual) เป็นการจัดฟันด้วยเทคนิคแบบใหม่ โดยจะมีเครื่องมืออยู่สองชนิดหลักคือ ตัวปุ่มโลหะหรือแบร็กเก็ตที่จะถูกติดตั้งด้านหลังของตัวฟันและลวดที่เชื่อมกับแบร็กเก็ตอีกที เป็นตัวปรับการเคลื่อนตัวของฟัน ซึ่งการจัดฟันแบบนี้ จะมีจุดเด่นอยู่ที่ความสวยงาม เพราะจะมองไม่เห็นเครื่องมือ

ในบทความนี้ เราจะมาดูกันว่า การจัดฟันด้านในเหมะกับใคร มีข้อดี ข้อเสียอะไรบ้าง และเปรียบเทียบกับการจัดฟันแบบอื่น

เหมาะกับใคร

การจัดฟันด้านในนั้น เหมาะสำหรับการรักษาทางทันตกรรมที่ไม่ซับซ้อนมาก เช่น ในผู้ป่วยที่ต้องมีการผ่าตัร่วมด้วยกีบการจัดฟัน และส่วนใหญ่มักจะเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์เป็นหลัก เช่น

  • ผู้ใหญ่หรือคนในวัยกลางคนที่กำลังทำงานอยู่และต้องการจัดฟัน แต่ไม่อยากให้ภาพลักษณ์กระทบกับการทำงาน
  • ผู้ที่ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และหน้าตาเป็นหลัก
  • ดารา นักร้อง หรือ นักกีฬา ที่ต้องออกสื่อเป็นประจำ

ข้อดี

  • โดดเด่นด้วยภาพลักษณ์และความเป็นธรรมชาติ เพราะเครื่องมือจัดฟันจะถูกติดตั้งด้านหลังตัวฟัน ทำให้มองจากข้างนอกไม่เห็น
  • ถึงแม้จะไม่สามารถใช้รักษาในเคสทันตกรรมที่ซับซ้อนมากได้ แต่การจัดฟันด้านในก็ยังสามารถรักษาปัญหาได้หลายอย่าง เช่น ฟันเก ฟันซ้อน เป็นต้น เพราะมีหลักการทำงานเหมือนการจัดฟันเหล็กทั่วไป
  • สามารถปรับแต่งได้ตามที่ต้องการให้ตรงกับแผนการรักษา
  • เมื่อเทียบกับการจัดฟันใสที่มีเอกลักษณ์ที่ความสวยงาม ตัวเครื่องมือจัดฟันด้านในจะไม่เป็นคราบหรือเปลี่ยนสี

ข้อเสีย

  • การจัดฟันด้านในอาจก่อให้เกิดความไม่สบายช่องปากได้ โดยเฉพาะลิ้น เพราะตัวเครื่องมือจะถูกติดตั้งใกล้กับลิ้น
  • ทำความสะอาดได้ยากกว่าการจัดฟันทั่วไป
  • มีราคาค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง
  • ต้องใช้เวลาในการปรับตัวนานกว่าจัดฟันทั่วไป โดยเฉพาะการพูดออกเสียง

ขั้นตอนการจัดฟัน

  1. ปรึกษาทันตแพทย์เพื่อเช็คดูอาการ ตรวจวินิจฉัยโครงสร้างฟัน พร้อมทำประวัติก่อนการจัดฟัน เช่น การพิมพ์ฟัน การถ่ายภาพ การ x-ray รวมไปถึงวางแผนการรักษา
  2. ทำการเคลียร์ช่องปาก เช่น อุดฟัน ขูดหินปูน ผ่าฟันคุด เป็นต้น
  3. นัดหมายติดเครื่องมือจัดฟัน โดยแบร็เก็ตจัดฟันจะถูกออกแบบมาเฉพาะคนไข้แต่ละรายให้สามารถติดได้พอดีกับผิวฟันด้านหลัง
  4. เมื่อติดเครื่องจัดฟันเสร็จแล้ว ทันตแพทย์จะทำการนัดทุก 4-6 อาทิตย์ เพื่อเข้ามาทำการปรับลวดและตำแหน่งเครื่องมือจัดฟันให้เป็นไปตามแผนการ
  5. หลังจากจัดฟันครบตามกำหนดแล้ว แพทย์จะถอดเครื่องมือจัดฟัน แล้วจะพิมพ์ฟันทำรีเทนเนอร์ ซึ่งมีหลากหลายแบบ ได้แก่ รีเทนเนอร์แบบใส รีเทนเนอร์แบบลวด รีเทนเนอร์แบบติดแน่น และรีเทนเนอร์แบบโลหะ เพื่อใช้คงสภาพฟัน ซึ่งควรใส่ตามที่ทันตแพทย์แนะนำ เพื่อไม่ให้ฟันเคลื่อนกลับไปตำแหน่งเดิม 

ราคาและระยะเวลาการจัดฟัน

จัดฟันด้านในจะมีราคาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 150,000-180,000 บาท และจะมีระยะเวลาในการรักษาประมาณ 1-3 ปี ขึ้นอยู่กับแต่ละเคส ซึ่งในปัจจุบัน คลินิกและโรงพยาบาลส่วนใหญ่มีแผนการผ่อนชำระรายเดือน ทำให้คนไข้ไม่จำเป็นต้องชำระเงินค่ารักษาเต็มจำนวน

เปรียบเทียบกับการจัดฟันแบบอื่น

เราลองมาดูการเปรียบเทียบการจัดฟันด้านในกับการจัดฟันแบบต่างๆ กัน

1. ความสวยงามและความเป็นธรรมชาติ

  • จัดฟันด้านใน: ไม่สามารถมองเห็นได้เลยจากด้านหน้า เพราะตัวเครื่องมือถูดติดตั้งไว้ด้านหลังของฟัน (หันเข้าหาลิ้น) จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจัดฟันอย่างไม่ให้สังเกตเห็น
  • จัดฟันทั่วไป: มองเห็นได้ชัดเจน เนื่องจากติดตั้งไว้ด้านนอกของฟัน แบร็คเก็ตและลวดจะมองเห็นได้ชัดเจน แต่อาจเลือกใช้เหล็กดัดฟันเซรามิกที่มีสีคล้ายฟันเพื่อความเป็นธรรมชาติมากขึ้น
  • จัดฟันใส เช่น Invisalign: จะแทบจะมองไม่เห็น เพราะทำจากพลาสติกใสที่ถอดออกได้ จึงเป็นทางเลือกที่สวยงามและไม่สังเกตเห็นได้ง่าย

2. ความสามารถในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน

  • จัดฟันด้านใน: มีประสิทธิภาพสูงในการแก้ไขปัญหาการเรียงฟันทั้งเบาและรุนแรง ใช้งานได้เหมือนกับเหล็กดัดฟันทั่วไป
  • จัดฟันทั่วไป: มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพสูงที่สุด เหมาะสำหรับทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นการจัดฟันซับซ้อนหรือปัญหาการเรียงฟันขั้นรุนแรง
  • จัดฟันใส เช่น Invisalign: มีข้อจำกัดในการจัดฟันที่ซับซ้อน ใช้ได้ดีสำหรับการเรียงฟันผิดปกติปานกลาง การเบียดกันของฟัน หรือช่องว่างเล็กน้อย แต่ไม่เหมาะกับการแก้ปัญหาการกัดหรือการเคลื่อนฟันที่ซับซ้อนมาก

3. ความสะดวกสบาย

  • จัดฟันด้านใน: อาจทำให้รู้สึกไม่สะดวกในช่วงแรก โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสกับลิ้น การพูดและการรับประทานอาหารอาจยากขึ้นในช่วงแรก และต้องใช้เวลาปรับตัวนานกว่าปกติ
  • จัดฟันทั่วไป: อาจมีความรู้สึกไม่สะดวกเล็กน้อย โดยเฉพาะหลังจากปรับลวด แต่ผู้ป่วยจะปรับตัวได้ดี แต่แบร็คเก็ตและลวดอาจทำให้ระคายเคืองริมฝีปากและแก้มได้
  • จัดฟันใส เช่น Invisalign: สะดวกสบายมากกว่า เนื่องจากทำจากพลาสติกเรียบ ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองที่มาจากแบร็คเก็ตหรือลวด แต่ยังอาจรู้สึกกดดันเล็กน้อยในช่วงแรกของการเปลี่ยนเครื่องมือจัดฟันชุดใหม่

4. การดูแลรักษาความสะอาด

  • จัดฟันด้านใน: ทำความสะอาดยากที่สุด เนื่องจากติดตั้งไว้ด้านหลังของฟัน จึงต้องใช้เครื่องมือเฉพาะ เช่น แปรงซอกฟันหรือไหมขัดฟันพิเศษ
  • จัดฟันทั่วไป: ทำความสะอาดค่อนข้างยาก เพราะเศษอาหารและคราบจุลินทรีย์สามารถติดค้างได้ง่าย ต้องแปรงฟันและขัดฟันอย่างละเอียดเพื่อรักษาความสะอาด
  • จัดฟันใส เช่น Invisalign: ทำความสะอาดง่ายที่สุด เพราะสามารถถอดออกได้ ทำให้สามารถแปรงฟันและขัดฟันได้ตามปกติ แต่ต้องทำความสะอาดเครื่องมือจัดฟันด้วยเพื่อป้องกันคราบหินปูน

5. ค่าใช้จ่าย

  • จัดฟันด้านใน: ราคาแพงที่สุด เนื่องจากการปรับแต่งที่ซับซ้อนและความเชี่ยวชาญที่ต้องการ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 150,000-180,000 บาท หรือมากกว่า
  • จัดฟันทั่วไป: ราคาถูดที่สุดในบรรดาการจัดฟันทั้งหมด ประมาณ 39,000 ถึง 59,000 บาท ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ (โลหะหรือเซรามิก)
  • จัดฟันใส เช่น Invisalign: ราคาขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของกรณีและสถานที่ให้บริการ โดยทั่วไปประมาณ 59,000-180,000 บาท
แชร์บทความนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง